ผัดไทยหนึ่งนาทีครึ่ง แม่ครัวในร้านอาหารประจำของผมทำผัดไทยเสร็จในเวลาหนึ่งนาทีครึ่งเริ่มต้นที่วางกะทะ จุดไฟ ใส่น้ำมัน หยิบก๋วยเตี๊ยวเส้นเล็กลงไปลวกในหม้อน้ำร้อน หั่นเต้าหู้แข็งเป็นชิ้น ตักเครื่องปรุงเช่นกุ้งสด กุ้งแห้ง เต้าหู้แข็ง กระเทียม ฯลฯ ลงกะทะ ระหว่างที่ปล่อยให้มันสุก ก็หันไปยกเส้นเล็กที่เพิ่งลวกเสร็จลงกะทะ ควงตะหลิวเขี่ยเครื่องปรุงกับเส้นเล็กให้เข้ากัน ตอกไข่ไก่ตามลงไป ในนาทีที่ 1.5 ทุกสิ่งสรรพในกะทะก็นอนสงบนิ่งบนจานพร้อมเสิร์ฟเชื่อว่าแม่ครัวคงไม่เคยเรียนวิชา Critical Path Method ในมหาวิทยาลัย การจัดการกับงานหลายอย่างในเวลาเดียวกันนี้มาจากประสบการณ์ล้วนๆ และเมื่อจัดการเป็น สิ่งที่ทำก็ดูเหมือนปาฏิหาริย์ผมพบว่าในชีวิตของตัวเอง มักชอบทำงานสองอย่างที่ต่างกันในเวลาเดียวกันเสมอสมัยหนึ่งที่ผมทำงานโฆษณาก็ริเขียนหนังสือ ทว่างานโฆษณาเป็นงานที่กัดแทะเวลาของคนทำงานโดยไม่เลือกกลางวันหรือกลางคืนทว่าเมื่อเลือกเหยียบเรือสองแคม ก็ต้องหาเวลามาเพิ่ม แต่เวลาของมนุษย์ทุกคนเท่ากันคือ 24 ชั่วโมง การหาเวลาเพิ่มก็คือการลดเวลาที่ไม่จำเป็นออกไปคำถามที่ผมได้ยินเสมอคือ "งานเยอะอย่างนี้ เอาเวลาไหนมาเขียนหนังสือ?"คำตอบง่ายนิดเดียว ผมเขียนหนังสือตอนที่คนอื่นดูทีวี ตอนกินข้าว ตอนรอคน ตอนที่นั่งในรถแท็กซี่ ไม่มีเวลาสักนาทีที่เสียไปหลักของการบริหารเวลาไม่ยาก สิ่งแรกก็คือต้องรู้จักเสียดายเวลาก่อน เมื่อรู้จักเสียดาย ก็จะหาทางทำทุกอย่างเพื่อใช้มันให้คุ้มที่สุด การบริหารเวลาที่ดีคือไม่มีคำว่า 'ฆ่าเวลา' มีแต่ 'ค่าเวลา'ในนวนิยายจีนกำลังภายในเรื่อง มังกรหยก ตัวเอกนาม ก้วยเจ๋ง เรียนวิทยายุทธ์โดยแบ่งความคิดออกเป็นสองส่วน ขณะที่มือข้างซ้ายร่ายกระบวนท่าวิชาหนึ่ง มือข้างขวาก็ร่ายกระบวนท่าของอีกวิชาหนึ่ง เมื่อสู้กับศัตรูก็เหมือน ทู-อิน-วัน สองรุมหนึ่ง!ในชีวิตจริงเราก็ใช้หลักการนี้ได้ โดยการทำงานในลักษณะที่คู่ขนานกัน หรือทำมากกว่าหนึ่งงานในช่วงเวลาเดียว เพราะหลายงานทำซ้อนกันได้ ยกตัวอย่างเช่น ขณะที่คุณนั่งรถเมล์ แท็กซีี่ ก็คิดงานที่คั่งค้างได้ ขณะรอแฟนช็อปปิ้ง ก็ทำงานหาเงิน (บางครั้งเพื่อให้แฟนได้ช็อปปิ้ง!) เป็นต้นช่วงเวลาที่คิดไม่ออกเรื่องหนึ่ง ก็ไปทำอีกเรื่องหนึ่งหลายคนชอบใช้เหตุผลที่ไม่ออกกำลังกายว่าเพราะเวลาน้อย แต่ความจริงก็คือช่วงยามที่เดินออกกำลังกายก็ขบคิดงานสร้างสรรค์ได้ไอนสไตน์ชอบแช่อ่างอาบน้ำและขบปัญหายากๆ ไปพร้อมกันเวลากินข้าว ก็คุยเรื่องดีๆ กับลูกได้เวลาชงกาแฟก็คิดได้นัดหมายใครก็ไปก่อนเวลานัด และใช้เวลารอนัดนั้นทำงานได้ เป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว คือไม่เสียเวลานัด และได้งานเวลาในชีวิตมีจำกัด จึงต้องใช้เวลาให้เป็น และเมื่อใช้เวลาเป็น ก็จะพบว่าเวลา 24 ชั่วโมง เหลือเฟือที่จะทำการใดๆ วินทร์ เลียววาริณ 13 มิถุนายน 2552(พิมพ์ครั้งแรก : เปรียว 2552)
พบว่าถ้าเวลาจิตว่าง ไม่ยึดติดสิ่งใดก็ช่วยงานที่ต้องบริหารเวลาดีขึ้นมาได้ เช่นวันนี้ ที่ทำความสะอาดห้อง แต่เราตัดความกังวลออกไปมันเสียเลยแล้วตั้งใจทำแป๊ปเดียวก็เสร็จขึ้นมาจริงๆ เรื่องไกล้ตัวแค่นี้ก็ทำให้เราประหลาดใจฉะนั้นหากจะทำเรื่องใหญคงสนุกและท้าทายเป็นแน่แท้
วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2552
วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2552
“ทักษะการจัดระบบ” ทักษะเพื่อความลงตัวในการใช้ชีวิต
วันที่ : 17 มีนาคม 2551 นิตยสาร/หนังสือพิมพ์ : แม่และเด็ก
ทักษะการจัดระบบ (Organization skill) นับเป็นทักษะสำคัญอันนำมาซึ่งความลงตัวและประสิทธิภาพในการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการจัดระบบชีวิตส่วนตัว การเรียน การทำงาน การใช้ชีวิตครอบครัว อีกทั้งยังเป็นทักษะจำเป็นต่อการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขของคนในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกยุคโลกา ภิวัตน์ที่สังคมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและมีความสลับซับซ้อนมากยิ่งกว่ายุคใดในอดีตที่ผ่านมา
ที่ใดไม่มีการจัดระบบที่นั่นย่อมอยู่ในสภาวะแห่งความสับสนวุ่นวาย อาทิ
บ้านเมืองใดที่ไม่มีการจัดระบบวางผังเมืองอย่างดี...ย่อมนำมาซึ่งปัญหาตามมามากมายทั้งปัญหาจราจรติดขัด ปัญหาสิ่งแวดล้อม มลภาวะ น้ำท่วม ฯลฯ
องค์กรใดที่ไม่มีการจัดระบบบริหารจัดการอย่างดี...ย่อมนำมาซึ่งการขาดประสิทธิภาพและความสับสนวุ่นวายในการทำงาน ความขัดแย้งไม่ลงรอยระหว่างผู้บริหารและผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ส่งผลให้องค์กรไม่สามารถขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ได้
บ้านใดที่ไม่มีการจัดระบบระเบียบ...ย่อมนำมาซึ่งความไม่น่าดู สกปรก รกรุงรัง จะค้นหาอะไรก็แสนยากลำบาก เพราะไม่รู้ว่าไปเก็บไว้ที่ไหน อันอาจเป็นชนวนให้เกิดการทะเลาะวิวาทความไม่ลงรอยระหว่างกันในครอบครัวตามมาได้
บุคคลใดที่ไม่มีการจัดระบบระเบียบในชีวิตส่วนตัว...ย่อมนำมาซึ่งการเปิดจุดอ่อนในชีวิต ยากที่ชีวิตจะประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน อ่อ มิน่า ชีวิตเรามันถึงได้.............-_-
ทักษะการจัดระบบจึงนับเป็นทักษะที่มีความสำคัญทั้งในระดับมหภาคและจุลภาคที่ควรสร้างให้เกิดขึ้นเป็นลักษณะนิสัยของคนในชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมไทยที่คนส่วนใหญ่ขาดระบบระเบียบในการใช้ชีวิต ต่างไปจากกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วส่วนใหญ่ เช่น ประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฯลฯ ที่ “ความมีระบบระเบียบ” เป็นคุณลักษณะประจำชาติที่สำคัญอันนำมาซึ่งการพัฒนาประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรือง
เจงๆนะคนไทยเนี่ยใช้ชีวิตผิดระบบแค่เรื่องเล็กน้อย เห็นใหมก่อปัญหาใหญ่ระดับชาติเลย ก็อีแค่ระบบซึงเราเองก็ยังทำมะได้ อิอิ
ทักษะการจัดระบบ ไม่ใช่เป็นเพียงการทำตามระเบียบแบบแผน กฎเกณฑ์ที่สร้างขึ้น หรือการมีระเบียบวินัยเท่านั้น แต่ทักษะการจัดระบบเป็นความสามารถในการจัดการกับสภาพความสับสนวุ่นวาย หรือสภาพการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ โดยการออกแบบ “ช่องทาง” หรือ “ระบบ” ใหม่ ๆ มารองรับเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายที่ตั้งใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การพัฒนาทักษะด้านนี้จำเป็นต้องอาศัยการหมั่นฝึกฝนและการสั่งสมประสบการณ์ ดังนั้นจึงควรเริ่มฝึกฝนตั้งแต่วัยเยาว์ โดยพ่อแม่สามารถช่วยในการฝึกฝนทักษะด้านนี้ให้แก่ลูกได้ด้วยวิธีง่าย ๆ ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น
การจัดระบบข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้าน พ่อแม่ควรเป็นแบบอย่างและเป็นผู้ริเริ่มให้ลูกเห็นถึงแนวทางการจัดระบบจากตัวอย่างจริงภายในบ้าน โดยเริ่มจากชักชวนลูกให้
...สำรวจอุปกรณ์เครื่องใช้สิ่งของต่าง ๆ ภายในบ้าน ตัวอย่างเช่น อุปกรณ์ในห้องครัว ห้องน้ำ ห้องสมุด จดหมายที่ได้รับทางไปรษณีย์ ขยะมูลฝอยประเภทต่าง ๆ ฯลฯ โดยจัดทำบัญชีรายการสิ่งของทั้งหมดว่ามีอะไรบ้าง
...ช่วยกันจัดหมวดหมู่ จากรายการอุปกรณ์ต่าง ๆ ว่าอุปกรณ์ใดควรอยู่ในกลุ่มเดียวกัน โดยคำนึงได้จากปัจจัยต่าง ๆ ตามวัตถุประสงค์และประโยชน์การใช้สอย เช่น จัดกลุ่มตามลักษณะการใช้งาน จัดกลุ่มตามความถี่ในการใช้งาน จัดกลุ่มตามสี จัดกลุ่มตามขนาด เป็นต้น โดยให้ลูก ๆ มาช่วยกันจัดว่าอุปกรณ์ใดควรอยู่ในกลุ่มใด
...จัดเรียงอุปกรณ์ต่าง ๆ ไว้ในที่ ๆ เหมาะสมในการใช้งาน จัดหาพื้นที่ว่าง ห้องว่าง ชั้นวางของ ลิ้นชัก กล่องหรือลัง เพื่อช่วยกันนำของที่จัดหมวดหมู่ในมาจัดเรียงอย่างเป็นระบบระเบียบ พ่อแม่ควรชักชวนลูกร่วมกันออกแบบว่าควรจัดเก็บสิ่งใดไว้ในที่ใดภายในบ้าน พร้อมให้เหตุผลว่าเพราะเหตุใด
....จัดทำแบบบันทึกรายการ ว่าเราเก็บสิ่งใดไว้ที่ใด เพราะหากไม่มีการจดไว้ หรือไม่ได้มีการเขียนติดไว้ที่หน้าตู้ กล่อง ลิ้นชัก สถานที่เก็บอื่น ๆ แล้ว เมื่อเวลาผ่านไปเราอาจลืมไปเลยว่าเคยเก็บสิ่งนี้ไว้ที่ใด หรืออาจลืมไปเลยว่าเราเองมีสิ่งของนี้อยู่ที่บ้านเช่นกัน
การจัดกระเป๋าหนังสือเรียนของลูก เด็กนักเรียนส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักมีปัญหาเรื่องการจัดตารางสอนหรือการจัดกระเป๋าหนังสือไปโรงเรียน บ้างก็ลืมของ ลืมการบ้าน ลืมหนังสือ ไปโรงเรียน บ้างก็ไม่เคยจัดกระเป๋าเลยแต่ขนไปทุกอย่างจนสรีระร่างกายมีปัญหาเนื่องจากแบกของหนักมากเกินไป ดังนั้นพ่อแม่จึงควรฝึกทักษะการจัดระบบให้แก่ลูกด้วยการดูแลในเรื่องการจัดกระเป๋าหนังสือเรียนของลูกทุกครั้ง ที่ไปโรงเรียน ช่วยลูกจัดตารางสอน จัดอุปกรณ์การเรียนการสอนออกเป็นหมวดหมู่ง่ายต่อการหยิบใช้ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการสอนให้ลูกจัดเก็บเอกสารการเรียนอย่างเป็นระบบ อาทิ การใช้แฟ้ม กล่องใส่เอกสาร รวมไปถึงการจัดเก็บเข้าไฟล์ในคอมพิวเตอร์ อย่างเป็นระบบ ในการกำหนดชื่อไฟล์ โฟลเดอร์ ที่ง่ายต่อการเข้าถึงและใช้ประโยชน์
การจัดเก็บของเล่นของลูก ของเล่นเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับเด็ก ๆ ทุกคน ปัญหาส่วนใหญ่ที่พ่อแม่มักพบ คือลูกอาจมีของเล่นเยอะมาก และไม่ได้เก็บไว้อย่างเป็นที่เป็นทาง ทำให้หาของเล่นชิ้นนั้นไม่พบเมื่อจะมาเล่นในครั้งต่อไป ดังนั้นพ่อแม่ไม่เพียงแต่สอนให้ลูกเก็บของเล่นเป็นที่เป็นทางหลังเลิกเล่นแล้วเท่านั้น แต่ควรสอนให้ลูกรู้จักจัดระบบของเล่นของตนด้วยเช่นกัน โดยแบ่งของเล่นเป็นประเภทต่าง ๆ อาทิ หมวดตุ๊กตา หมวดเกม หมวดกีฬา หมวดตัวต่อ พร้อมหากล่อง ลัง ลิ้นชัก ตู้ ฯลฯ ไว้ใส่ของเล่นลูกตามหมวด รวมทั้งติดชื่อรายการของเล่นต่าง ๆ ไว้ด้านหน้า เพื่อสะดวกต่อการหา และการจัดเก็บ ทั้งนี้เด็กส่วนใหญ่อาจไม่ชอบที่จะเก็บของเล่นเมื่อเล่นเสร็จ พ่อแม่จึงอาจต้องใช้วิธีการจูงใจให้ลูกเห็นว่าเป็นเรื่องสนุกในการแยกของเป็นหมวดหมู่ หรืออาจต้องมีมาตรการสร้างแรงจูงใจ อาทิ คำชม รางวัล ให้กับลูกทุกครั้งที่มีการเก็บของเล่นของตนไว้อย่างเป็นระบบระเบียบ
ถ้าเรื่องขี้ปะติ๋วยังต้องจัดระบบ งันเราก็ต้องระบบให้ตัวเองด่วน เพราะผิดตั้งแต่ระบบ ชีวิตจึงเกด ทุกข์ สับสน วุ่นวาย
โดยภายหลังจากการจัดระบบใด ๆ เสร็จสิ้นสิ่งสำคัญที่ควรดำเนินการ คือ การจัดทำใบบันทึกรายการ หรือคู่มือด้วยทุกครั้งเพื่อเป็นประโยชน์ในการหาสิ่งของต่าง ๆ และเป็นแนวทางในการจัดระบบให้ทันสมัยในครั้งต่อไป ทั้งนี้หัวใจหลักสำคัญอันจะนำมาซึ่งความสำเร็จในการฝึกฝนทักษะดังกล่าว ได้แก่
...ความสามารถในการคิดหาระบบที่เหมาะสมกับสภาพการณ์ต่าง ๆ ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความสามารถในการคิดเป็นสำคัญ กล่าวคือ การคิดเชิงวิเคราะห์ (Analytical Thinking) เพื่อจำแนกองค์ประกอบต่าง ๆ จากสภาพความสับสนวุ่นวายที่เกิดขึ้นว่ามีอะไรบ้าง...การคิดเชิงมโนทัศน์ (Conceptual Thinking) เพื่อนำองค์ประกอบต่าง ๆ ที่ได้จากการคิดเชิงวิเคราะห์นั้นมาจัดกลุ่มให้เข้าพวกกัน...การคิดเชิงสังเคราะห์ (Synthesis-Type Thinking) ตายและคนเขียนเขียนเองทั้งน้าน ไปอ่านมาด่วน ชีวิตจะเกิดระบบรอไม่ได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ตายทำไง มะได้อ่านกันพอดี เพื่อนำองค์ประกอบต่าง ๆ ที่จัดกลุ่มแล้วนั้นมาสร้างเป็นระบบหรือช่องทางใหม่ที่มีความคล่องตัวมากกว่าเดิมเพื่อการขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายที่ตั้งใจ โดยพ่อแม่สามารถสอนให้ลูกเรียนรู้ด้วยการเป็นแบบอย่างให้ลูกเห็นรวมทั้งอาจสอนผ่านตัวอย่างการจัดระบบต่าง ๆ ที่มักพบเห็นได้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน ตัวอย่างเช่น การจัดระบบจัดหมวดหมู่ในสมุดโทรศัพท์ พจนานุกรม สารานุกรม สารบาญในหนังสือประเภทต่าง ๆ วิธีการจัดหมวดหมู่หนังสือในห้องสมุด การจัดหมวดหมู่สินค้าประเภทต่าง ๆในห้างสรรพสินค้า ฯลฯ เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาทักษะการจัดระบบในชีวิตประจำวันของเราต่อไป
...ความมีวินัยหมั่นฝึกฝนและทำอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อจัดระบบในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเสร็จแล้ว ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ต้องไปทำอะไรกับมันอีก เพราะระบบที่ตั้งไว้อาจยังอาจไม่สมบูรณ์เพียงพอหรือล้าสมัย ซึ่งในระหว่างทางที่ใช้ระบบนั้นเราสามารถปรับเปลี่ยนพัฒนาระบบดังกล่าวให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นต่อไป การเพิกเฉยไม่ใส่ใจปล่อยปละละเลยอาจส่งผลให้การจัดระบบเป็นไปได้ยากยิ่งขึ้น เนื่องจากสภาพการณ์มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นจนอาจกลายเป็นดินพอกหางหมูยากที่จะสะบัดหลุดไปได้ พ่อแม่จึงควรช่วยลูกในการฝึกวินัย ในการจัดระบบสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ เก็บข้าวของให้เป็นที่เป็นทาง ให้เคยชินเป็นนิสัย โดยในช่วงแรกอาจต้องสร้างแรงจูงใจ เช่น การให้รางวัล การกล่าวชมเชย เป็นต้น
ทักษะการจัดระบบเป็นทักษะพื้นฐานสำคัญของการบริหารชีวิตอย่างสมดุลและมีประสิทธิภาพสูงสุดเป็นการร่นระยะเวลาในการทำงานและลดความตึงเครียดในชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกยุคใหม่ที่การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้ที่มีทักษะการจัดระบบที่ดีย่อมได้เปรียบในการรับมือกับสภาพการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดีในการจัดระบบชีวิตให้ลงตัวได้ในทุกสถานการณ์
ทักษะการจัดระบบ (Organization skill) นับเป็นทักษะสำคัญอันนำมาซึ่งความลงตัวและประสิทธิภาพในการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการจัดระบบชีวิตส่วนตัว การเรียน การทำงาน การใช้ชีวิตครอบครัว อีกทั้งยังเป็นทักษะจำเป็นต่อการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขของคนในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกยุคโลกา ภิวัตน์ที่สังคมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและมีความสลับซับซ้อนมากยิ่งกว่ายุคใดในอดีตที่ผ่านมา
ที่ใดไม่มีการจัดระบบที่นั่นย่อมอยู่ในสภาวะแห่งความสับสนวุ่นวาย อาทิ
บ้านเมืองใดที่ไม่มีการจัดระบบวางผังเมืองอย่างดี...ย่อมนำมาซึ่งปัญหาตามมามากมายทั้งปัญหาจราจรติดขัด ปัญหาสิ่งแวดล้อม มลภาวะ น้ำท่วม ฯลฯ
องค์กรใดที่ไม่มีการจัดระบบบริหารจัดการอย่างดี...ย่อมนำมาซึ่งการขาดประสิทธิภาพและความสับสนวุ่นวายในการทำงาน ความขัดแย้งไม่ลงรอยระหว่างผู้บริหารและผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ส่งผลให้องค์กรไม่สามารถขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ได้
บ้านใดที่ไม่มีการจัดระบบระเบียบ...ย่อมนำมาซึ่งความไม่น่าดู สกปรก รกรุงรัง จะค้นหาอะไรก็แสนยากลำบาก เพราะไม่รู้ว่าไปเก็บไว้ที่ไหน อันอาจเป็นชนวนให้เกิดการทะเลาะวิวาทความไม่ลงรอยระหว่างกันในครอบครัวตามมาได้
บุคคลใดที่ไม่มีการจัดระบบระเบียบในชีวิตส่วนตัว...ย่อมนำมาซึ่งการเปิดจุดอ่อนในชีวิต ยากที่ชีวิตจะประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน อ่อ มิน่า ชีวิตเรามันถึงได้.............-_-
ทักษะการจัดระบบจึงนับเป็นทักษะที่มีความสำคัญทั้งในระดับมหภาคและจุลภาคที่ควรสร้างให้เกิดขึ้นเป็นลักษณะนิสัยของคนในชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมไทยที่คนส่วนใหญ่ขาดระบบระเบียบในการใช้ชีวิต ต่างไปจากกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วส่วนใหญ่ เช่น ประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฯลฯ ที่ “ความมีระบบระเบียบ” เป็นคุณลักษณะประจำชาติที่สำคัญอันนำมาซึ่งการพัฒนาประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรือง
เจงๆนะคนไทยเนี่ยใช้ชีวิตผิดระบบแค่เรื่องเล็กน้อย เห็นใหมก่อปัญหาใหญ่ระดับชาติเลย ก็อีแค่ระบบซึงเราเองก็ยังทำมะได้ อิอิ
ทักษะการจัดระบบ ไม่ใช่เป็นเพียงการทำตามระเบียบแบบแผน กฎเกณฑ์ที่สร้างขึ้น หรือการมีระเบียบวินัยเท่านั้น แต่ทักษะการจัดระบบเป็นความสามารถในการจัดการกับสภาพความสับสนวุ่นวาย หรือสภาพการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ โดยการออกแบบ “ช่องทาง” หรือ “ระบบ” ใหม่ ๆ มารองรับเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายที่ตั้งใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การพัฒนาทักษะด้านนี้จำเป็นต้องอาศัยการหมั่นฝึกฝนและการสั่งสมประสบการณ์ ดังนั้นจึงควรเริ่มฝึกฝนตั้งแต่วัยเยาว์ โดยพ่อแม่สามารถช่วยในการฝึกฝนทักษะด้านนี้ให้แก่ลูกได้ด้วยวิธีง่าย ๆ ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น
การจัดระบบข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้าน พ่อแม่ควรเป็นแบบอย่างและเป็นผู้ริเริ่มให้ลูกเห็นถึงแนวทางการจัดระบบจากตัวอย่างจริงภายในบ้าน โดยเริ่มจากชักชวนลูกให้
...สำรวจอุปกรณ์เครื่องใช้สิ่งของต่าง ๆ ภายในบ้าน ตัวอย่างเช่น อุปกรณ์ในห้องครัว ห้องน้ำ ห้องสมุด จดหมายที่ได้รับทางไปรษณีย์ ขยะมูลฝอยประเภทต่าง ๆ ฯลฯ โดยจัดทำบัญชีรายการสิ่งของทั้งหมดว่ามีอะไรบ้าง
...ช่วยกันจัดหมวดหมู่ จากรายการอุปกรณ์ต่าง ๆ ว่าอุปกรณ์ใดควรอยู่ในกลุ่มเดียวกัน โดยคำนึงได้จากปัจจัยต่าง ๆ ตามวัตถุประสงค์และประโยชน์การใช้สอย เช่น จัดกลุ่มตามลักษณะการใช้งาน จัดกลุ่มตามความถี่ในการใช้งาน จัดกลุ่มตามสี จัดกลุ่มตามขนาด เป็นต้น โดยให้ลูก ๆ มาช่วยกันจัดว่าอุปกรณ์ใดควรอยู่ในกลุ่มใด
...จัดเรียงอุปกรณ์ต่าง ๆ ไว้ในที่ ๆ เหมาะสมในการใช้งาน จัดหาพื้นที่ว่าง ห้องว่าง ชั้นวางของ ลิ้นชัก กล่องหรือลัง เพื่อช่วยกันนำของที่จัดหมวดหมู่ในมาจัดเรียงอย่างเป็นระบบระเบียบ พ่อแม่ควรชักชวนลูกร่วมกันออกแบบว่าควรจัดเก็บสิ่งใดไว้ในที่ใดภายในบ้าน พร้อมให้เหตุผลว่าเพราะเหตุใด
....จัดทำแบบบันทึกรายการ ว่าเราเก็บสิ่งใดไว้ที่ใด เพราะหากไม่มีการจดไว้ หรือไม่ได้มีการเขียนติดไว้ที่หน้าตู้ กล่อง ลิ้นชัก สถานที่เก็บอื่น ๆ แล้ว เมื่อเวลาผ่านไปเราอาจลืมไปเลยว่าเคยเก็บสิ่งนี้ไว้ที่ใด หรืออาจลืมไปเลยว่าเราเองมีสิ่งของนี้อยู่ที่บ้านเช่นกัน
การจัดกระเป๋าหนังสือเรียนของลูก เด็กนักเรียนส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักมีปัญหาเรื่องการจัดตารางสอนหรือการจัดกระเป๋าหนังสือไปโรงเรียน บ้างก็ลืมของ ลืมการบ้าน ลืมหนังสือ ไปโรงเรียน บ้างก็ไม่เคยจัดกระเป๋าเลยแต่ขนไปทุกอย่างจนสรีระร่างกายมีปัญหาเนื่องจากแบกของหนักมากเกินไป ดังนั้นพ่อแม่จึงควรฝึกทักษะการจัดระบบให้แก่ลูกด้วยการดูแลในเรื่องการจัดกระเป๋าหนังสือเรียนของลูกทุกครั้ง ที่ไปโรงเรียน ช่วยลูกจัดตารางสอน จัดอุปกรณ์การเรียนการสอนออกเป็นหมวดหมู่ง่ายต่อการหยิบใช้ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการสอนให้ลูกจัดเก็บเอกสารการเรียนอย่างเป็นระบบ อาทิ การใช้แฟ้ม กล่องใส่เอกสาร รวมไปถึงการจัดเก็บเข้าไฟล์ในคอมพิวเตอร์ อย่างเป็นระบบ ในการกำหนดชื่อไฟล์ โฟลเดอร์ ที่ง่ายต่อการเข้าถึงและใช้ประโยชน์
การจัดเก็บของเล่นของลูก ของเล่นเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับเด็ก ๆ ทุกคน ปัญหาส่วนใหญ่ที่พ่อแม่มักพบ คือลูกอาจมีของเล่นเยอะมาก และไม่ได้เก็บไว้อย่างเป็นที่เป็นทาง ทำให้หาของเล่นชิ้นนั้นไม่พบเมื่อจะมาเล่นในครั้งต่อไป ดังนั้นพ่อแม่ไม่เพียงแต่สอนให้ลูกเก็บของเล่นเป็นที่เป็นทางหลังเลิกเล่นแล้วเท่านั้น แต่ควรสอนให้ลูกรู้จักจัดระบบของเล่นของตนด้วยเช่นกัน โดยแบ่งของเล่นเป็นประเภทต่าง ๆ อาทิ หมวดตุ๊กตา หมวดเกม หมวดกีฬา หมวดตัวต่อ พร้อมหากล่อง ลัง ลิ้นชัก ตู้ ฯลฯ ไว้ใส่ของเล่นลูกตามหมวด รวมทั้งติดชื่อรายการของเล่นต่าง ๆ ไว้ด้านหน้า เพื่อสะดวกต่อการหา และการจัดเก็บ ทั้งนี้เด็กส่วนใหญ่อาจไม่ชอบที่จะเก็บของเล่นเมื่อเล่นเสร็จ พ่อแม่จึงอาจต้องใช้วิธีการจูงใจให้ลูกเห็นว่าเป็นเรื่องสนุกในการแยกของเป็นหมวดหมู่ หรืออาจต้องมีมาตรการสร้างแรงจูงใจ อาทิ คำชม รางวัล ให้กับลูกทุกครั้งที่มีการเก็บของเล่นของตนไว้อย่างเป็นระบบระเบียบ
ถ้าเรื่องขี้ปะติ๋วยังต้องจัดระบบ งันเราก็ต้องระบบให้ตัวเองด่วน เพราะผิดตั้งแต่ระบบ ชีวิตจึงเกด ทุกข์ สับสน วุ่นวาย
โดยภายหลังจากการจัดระบบใด ๆ เสร็จสิ้นสิ่งสำคัญที่ควรดำเนินการ คือ การจัดทำใบบันทึกรายการ หรือคู่มือด้วยทุกครั้งเพื่อเป็นประโยชน์ในการหาสิ่งของต่าง ๆ และเป็นแนวทางในการจัดระบบให้ทันสมัยในครั้งต่อไป ทั้งนี้หัวใจหลักสำคัญอันจะนำมาซึ่งความสำเร็จในการฝึกฝนทักษะดังกล่าว ได้แก่
...ความสามารถในการคิดหาระบบที่เหมาะสมกับสภาพการณ์ต่าง ๆ ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความสามารถในการคิดเป็นสำคัญ กล่าวคือ การคิดเชิงวิเคราะห์ (Analytical Thinking) เพื่อจำแนกองค์ประกอบต่าง ๆ จากสภาพความสับสนวุ่นวายที่เกิดขึ้นว่ามีอะไรบ้าง...การคิดเชิงมโนทัศน์ (Conceptual Thinking) เพื่อนำองค์ประกอบต่าง ๆ ที่ได้จากการคิดเชิงวิเคราะห์นั้นมาจัดกลุ่มให้เข้าพวกกัน...การคิดเชิงสังเคราะห์ (Synthesis-Type Thinking) ตายและคนเขียนเขียนเองทั้งน้าน ไปอ่านมาด่วน ชีวิตจะเกิดระบบรอไม่ได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ตายทำไง มะได้อ่านกันพอดี เพื่อนำองค์ประกอบต่าง ๆ ที่จัดกลุ่มแล้วนั้นมาสร้างเป็นระบบหรือช่องทางใหม่ที่มีความคล่องตัวมากกว่าเดิมเพื่อการขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายที่ตั้งใจ โดยพ่อแม่สามารถสอนให้ลูกเรียนรู้ด้วยการเป็นแบบอย่างให้ลูกเห็นรวมทั้งอาจสอนผ่านตัวอย่างการจัดระบบต่าง ๆ ที่มักพบเห็นได้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน ตัวอย่างเช่น การจัดระบบจัดหมวดหมู่ในสมุดโทรศัพท์ พจนานุกรม สารานุกรม สารบาญในหนังสือประเภทต่าง ๆ วิธีการจัดหมวดหมู่หนังสือในห้องสมุด การจัดหมวดหมู่สินค้าประเภทต่าง ๆในห้างสรรพสินค้า ฯลฯ เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาทักษะการจัดระบบในชีวิตประจำวันของเราต่อไป
...ความมีวินัยหมั่นฝึกฝนและทำอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อจัดระบบในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเสร็จแล้ว ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ต้องไปทำอะไรกับมันอีก เพราะระบบที่ตั้งไว้อาจยังอาจไม่สมบูรณ์เพียงพอหรือล้าสมัย ซึ่งในระหว่างทางที่ใช้ระบบนั้นเราสามารถปรับเปลี่ยนพัฒนาระบบดังกล่าวให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นต่อไป การเพิกเฉยไม่ใส่ใจปล่อยปละละเลยอาจส่งผลให้การจัดระบบเป็นไปได้ยากยิ่งขึ้น เนื่องจากสภาพการณ์มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นจนอาจกลายเป็นดินพอกหางหมูยากที่จะสะบัดหลุดไปได้ พ่อแม่จึงควรช่วยลูกในการฝึกวินัย ในการจัดระบบสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ เก็บข้าวของให้เป็นที่เป็นทาง ให้เคยชินเป็นนิสัย โดยในช่วงแรกอาจต้องสร้างแรงจูงใจ เช่น การให้รางวัล การกล่าวชมเชย เป็นต้น
ทักษะการจัดระบบเป็นทักษะพื้นฐานสำคัญของการบริหารชีวิตอย่างสมดุลและมีประสิทธิภาพสูงสุดเป็นการร่นระยะเวลาในการทำงานและลดความตึงเครียดในชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกยุคใหม่ที่การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้ที่มีทักษะการจัดระบบที่ดีย่อมได้เปรียบในการรับมือกับสภาพการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดีในการจัดระบบชีวิตให้ลงตัวได้ในทุกสถานการณ์
วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2552
เล่นให้จบเกม
เล่นให้จบเกม ในช่วงที่นวนิยาย เพชรพระอุมา ของ พนมเทียน กำลังตีพิมพ์เป็นตอนๆ ในนิตยสารจักรวาลรายสัปดาห์เมื่อผมยังละอ่อนอยู่นั้น ผมเคยภาวนาให้นักเขียนมีอายุยืนยาวร่างกายแข็งแรง เพราะติดนิยายงอมแงม และกลัวว่าเขาจะเขียนนวนิยายเรื่องนี้ไม่จบ!ผมเชื่อว่าตนเองคงไม่ใช่แฟน เพชรพระอุมา คนเดียวที่ภาวนาเช่นนี้ เมื่อดูจากความยาวของผลงานแล้ว ก็น่าหวาดหวั่นใจเหมือนกันว่านักประพันธ์มีสิทธิ์เขียนนวนิยายที่ยาวที่สุดในโลกเรื่องนี้ไม่จบ สำหรับงานที่อ่านสนุกระดับนี้ ใครๆ ก็ย่อมหงุดหงิดอย่างยิ่งหากเรื่องไปไม่ถึงบทสุดท้าย ดังนั้นเมื่อ เพชรพระอุมา เดินไปถึงบรรทัดสุดท้ายโดยสวัสดิภาพ ผู้อ่านก็ถอนหายใจโล่งอกหนึ่งเฮือก แต่ก็เกิดอาการหงุดหงิดเล็กน้อยที่เรื่องยังไม่ลงเอยด้วย แฮปปี้ เอนดิ้ง (นวนิยายสมัยนั้น 'แฮปปี้ เอนดิ้ง' หมายถึงพระเอกแต่งงานกับนางเอกสถานเดียว ไม่ต้องตีความ!) แสดงว่านักเขียนตั้งใจจะทำงานยาวแน่ๆ จริงดังคาด ไม่นานต่อมา พนมเทียนก็บรรเลง เพชรพระอุมา ภาคสอง ต่อในหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ท่ามกลางความหวั่นกลัวลึกๆ ของผมอีก และแล้วผ่านไปอีกหลายปี ภาคสองจบ แต่พระเอกก็ยังไม่แต่งงานกับนางเอกสักที ตามมาด้วยภาคสามกว่าจะจบทั้งสามภาคก็กินเวลานานร่วมยี่สิบหกปี แต่นักเขียนก็ทำหน้าที่เสร็จสมบูรณ์เรียบร้อย โดยที่นักอ่านจำนวนมากโล่งอกสุขสม (พนมเทียนเคยเขียนเล่าว่า รู้สึกเบาตัว โล่งอกโปร่งใจเหลือประมาณ คล้ายยกภูเขาออกจากอกที่สามารถทำให้นวนิยายเรื่องนี้จบลงได้อย่างสมบูรณ์ เนื่องจากระหว่างที่เขียนนั้น ผู้อ่านหลายคนตายไปก่อนเพราะสังขารรอไม่ไหว!)เหตุผลที่ผม (และเชื่อว่ารวมนักอ่านจำนวนมาก) รู้สึกกังวลลึกๆ ก็เพราะเคยมีประสบการณ์แบบนี้กับนวนิยายหลายเรื่องในอดีต ยกตัวอย่างเช่น ผู้ชนะสิบทิศ ของ ยาขอบ เป็นนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ที่สนุกมาก มีผู้อ่านทั่วประเทศติดงอมแงมจนมารอซื้ออ่านที่หน้าแท่นพิมพ์ ทว่ายาขอบเขียน ผู้ชนะสิบทิศ ไม่จบเพราะท่านตายเสียก่อนแม้นักอ่านจะเข้าใจสถานการณ์ แต่ลึกๆ ก็อดผิดหวังไม่ได้ อย่างไรก็ตามยาขอบก็ไม่สิ้นความรับผิดชอบ ขณะใกล้ตาย ท่านก็ยังบอกให้คนใกล้ตัวจดเรื่องย่อที่เหลือทั้งหมดเอาไว้ นวนิยาย ขุนศึก ของ ไม้ เมืองเดิม ก็เป็นนวนิยายอิงประวัติศาสตร์รสเข้มข้นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งมีผู้ติดตามมาก ทว่าผู้เขียนก็เสียชีวิตก่อนที่จะเขียนจบ น้องชายของท่านก็รับภารกิจเขียนต่อจนถึงบรรทัดสุดท้าย ถือเป็นความรับผิดชอบที่จะต้องทำงานให้ถึงที่สุดในการเล่นหมากรุก สนุกเกอร์ กอล์ฟ ฯลฯ บางครั้งเมื่อถึงจุดจุดหนึ่ง ผู้เล่นฝ่ายหนึ่งก็รู้แล้วว่าตนเองจะแพ้ แต่ก็เล่นให้จบเกม เป็นมารยาทอย่างหนึ่งทุกอาชีพมีภาระของความรับผิดชอบ อาจจะจัดว่าเป็นจรรยาบรรณอย่างหนึ่ง ทนายความว่าความจนคดีถึงที่สุด หมอรักษาคนไข้คนจนหายหรือตาย ผู้รับเหมาก่อสร้างสร้างบ้านลูกค้าจนเสร็จ ไม่ทิ้งงานกลางคันคำว่า 'ความรับผิดชอบ' นี่แหละที่แยกแยะมืออาชีพออกจากมืออ่อนหัด จำแนกคนที่มีวุฒิภาวะออกจากคนที่ไม่รู้จักโตในการใช้ชีวิตก็มีจรรยาบรรณนี้เช่นกัน : ขับรถชนคนตายแล้วไม่เผ่นหนี ทำของเสียหายแล้วชดใช้ ทำหญิงท้องแล้วรับผิดชอบทำงานก็ทำให้จบทุกชิ้น ทำให้ถึงที่สุดมีความฝันก็ไปให้สุดฝัน ไม่ปล่อยคาไว้เมื่อเกิดมาแล้ว ก็ใช้ชีวิตให้ดีที่สุด ถึงวันตายก็ไม่รู้สึกเสียใจว่ายังไม่ได้ทำโน่นทำนี่รับผิดชอบต่อคนอื่น รับผิดชอบต่อตัวเอง รับผิดชอบต่อความฝันของตัวเองเพราะถึงจะทำไม่สำเร็จ ก็ไม่เสียใจที่ยังไม่ได้เริ่มทำ วินทร์ เลียววาริณ 7 มิถุนายน 2552
ดีจัง..ชอบ ไม่ใช่แค่ชอบแต่จะนำไปใช้
จำได้ไหม
บอกพี่น้อยว่าจะไปฝึกงานที่โรงแรมไพลินแล้วตัวเองไม่ไป บอกอาจารย์สมบัติว่าจะทำทำอะไรตั้งหลายอย่างแล่ตัวเองไม่เคยทำ หลายๆเรื่องที่ผิดคำพูดเพราะความไม่ได้เรื่องของเรา ทำสิ่งี่ไม่ควรทำ ไม่ลำดับความสำคัญ โครงการที่เขียนเองตั้งใจปฏิบัตตามนั้นเปลี่ยนมากี่ครั้งแล้วจำได้ไหม เราเสียเวลาทำแต่ละครั้งไปมากเท่าไร เรราก็ชำใจเพราะขาดความรับรับผิดชอบมากขึ้นเท่านั้น ไม่พอบางทีโทษคนอื่น จำไก่ ผู้หญิงถึงผู้หญิงได้มั้ย เธอทำเช่นนั้นโทษคนอื่นว่าเตีรยมสคริปอ่านมาไม่ดี วันสาทรไทย อ่านเป็น สา-ทอน-ไทย คนอื่นมองหล่อนไม่ดีทันที เพราะแค่ไม่ยอมรับความผิดที่ตนทำแค่นั้น ........ทุกวันนี้เจ้านิคที่เรียนพิเศษกับเรามันจะยังรอชีทคำศัพท์ที่รวบรวมให้มันอยู่รึป่าว บอกไว้ว่าจะแจกทุกคนหลังเรียนเสร็จ.........................เสียความนับถือไปเสียแล้ว.......สร้างขึ้นก็ยากจะทำอะไรก็ต้องคิดให้ถี่ถ้วนและจะดีที่สุดไตรตรองมันด้วยปัญญาสิ
ดีจัง..ชอบ ไม่ใช่แค่ชอบแต่จะนำไปใช้
จำได้ไหม
บอกพี่น้อยว่าจะไปฝึกงานที่โรงแรมไพลินแล้วตัวเองไม่ไป บอกอาจารย์สมบัติว่าจะทำทำอะไรตั้งหลายอย่างแล่ตัวเองไม่เคยทำ หลายๆเรื่องที่ผิดคำพูดเพราะความไม่ได้เรื่องของเรา ทำสิ่งี่ไม่ควรทำ ไม่ลำดับความสำคัญ โครงการที่เขียนเองตั้งใจปฏิบัตตามนั้นเปลี่ยนมากี่ครั้งแล้วจำได้ไหม เราเสียเวลาทำแต่ละครั้งไปมากเท่าไร เรราก็ชำใจเพราะขาดความรับรับผิดชอบมากขึ้นเท่านั้น ไม่พอบางทีโทษคนอื่น จำไก่ ผู้หญิงถึงผู้หญิงได้มั้ย เธอทำเช่นนั้นโทษคนอื่นว่าเตีรยมสคริปอ่านมาไม่ดี วันสาทรไทย อ่านเป็น สา-ทอน-ไทย คนอื่นมองหล่อนไม่ดีทันที เพราะแค่ไม่ยอมรับความผิดที่ตนทำแค่นั้น ........ทุกวันนี้เจ้านิคที่เรียนพิเศษกับเรามันจะยังรอชีทคำศัพท์ที่รวบรวมให้มันอยู่รึป่าว บอกไว้ว่าจะแจกทุกคนหลังเรียนเสร็จ.........................เสียความนับถือไปเสียแล้ว.......สร้างขึ้นก็ยากจะทำอะไรก็ต้องคิดให้ถี่ถ้วนและจะดีที่สุดไตรตรองมันด้วยปัญญาสิ
วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
อย่าลืมหลักการ
ยังคงมีสิ่งที่น่าสงสัย
ใครเป็นใครใบหน้าหาแจ้งจิต
มากเล่ห์กลปนเปื้อนเหมือนเป็นมิตร
แต่ความคิดอาจเป็นภัยไม่แจ้งชัด
เรื่องที่ฟังอาจยังไม่ทั้งหมด
เพราะผู้พูดเปลี่ยนบทตามถนัด
เรื่องที่อ่านอาจไร้ประเด็นชัด
เพราะผู้เขียนเจนจัดแทรกมุขตน
ฟังอะไรอ่านอะไรให้ระวัง
อย่าเพิ่งชังอย่าเพิ่งรักในแรกหน
อาจพลาดพลั้งเชื่อสิ่งอัปมงคล
ใจที่ดีของตนต้องหมองไป
บางเรื่องราวเขียนกล่าวอย่างเข้มขึง
คนฟังอึ้งเชื่ออย่างไม่สงสัย
ลืมคิดถึงผู้พูดที่เดาใจ
ทั้งผู้เขียนก็ไม่ใช้ผู้ร่วมวง
อย่าลืมหลักการพุทธหยุดจิตหมอง
อย่าลืมกรองถ้อยคำก่อนใหลหลง
อย่ายึดถือตามคำสืบจำนง
อย่าตั้งวงตื่นข่าวกล่าวเชื่อพลัน
อย่าเชื่อเพราะอ้างตำราพายึดติด
อย่าเพียงคิดเดาเองอย่างเพ้อฝัน
อย่าได้คาดคะเนว่าข้ารู้ทัน
อย่าสรุปสิ่งนั้นตามอาการ
อย่าได้ชื่นชมเพราะถูกใจตน
อย่าเชื่อคนที่พูดเพราะภูมิฐาน
อย่าเชื่อเพราะเห็นเป็นครูอาจารย์
อาจถึงกาลย่อยยับกับศรัทธา
ความเชื่อที่ไม่มีเรื่องเหตุผล
มักพาคนไปพบกับปัญหา
ความเชื่อที่ไร้ซึ่งกุศลปัญญา
เกิดกระแสโหมกล้ากิเลสนอง
ใครเป็นใครใบหน้าหาแจ้งจิต
มากเล่ห์กลปนเปื้อนเหมือนเป็นมิตร
แต่ความคิดอาจเป็นภัยไม่แจ้งชัด
เรื่องที่ฟังอาจยังไม่ทั้งหมด
เพราะผู้พูดเปลี่ยนบทตามถนัด
เรื่องที่อ่านอาจไร้ประเด็นชัด
เพราะผู้เขียนเจนจัดแทรกมุขตน
ฟังอะไรอ่านอะไรให้ระวัง
อย่าเพิ่งชังอย่าเพิ่งรักในแรกหน
อาจพลาดพลั้งเชื่อสิ่งอัปมงคล
ใจที่ดีของตนต้องหมองไป
บางเรื่องราวเขียนกล่าวอย่างเข้มขึง
คนฟังอึ้งเชื่ออย่างไม่สงสัย
ลืมคิดถึงผู้พูดที่เดาใจ
ทั้งผู้เขียนก็ไม่ใช้ผู้ร่วมวง
อย่าลืมหลักการพุทธหยุดจิตหมอง
อย่าลืมกรองถ้อยคำก่อนใหลหลง
อย่ายึดถือตามคำสืบจำนง
อย่าตั้งวงตื่นข่าวกล่าวเชื่อพลัน
อย่าเชื่อเพราะอ้างตำราพายึดติด
อย่าเพียงคิดเดาเองอย่างเพ้อฝัน
อย่าได้คาดคะเนว่าข้ารู้ทัน
อย่าสรุปสิ่งนั้นตามอาการ
อย่าได้ชื่นชมเพราะถูกใจตน
อย่าเชื่อคนที่พูดเพราะภูมิฐาน
อย่าเชื่อเพราะเห็นเป็นครูอาจารย์
อาจถึงกาลย่อยยับกับศรัทธา
ความเชื่อที่ไม่มีเรื่องเหตุผล
มักพาคนไปพบกับปัญหา
ความเชื่อที่ไร้ซึ่งกุศลปัญญา
เกิดกระแสโหมกล้ากิเลสนอง
จงฉลาด พอที่จะอ่าน
จง…เข้มแข็งพอที่จะเผชิญหน้ากับความจริง จง...อ่อนแอพอที่จะรับรู้ว่าลำพังเรานั้นทำอะไรไม่ได้ทุกอย่าง จง...ฟุ่มเฟือยน้ำใจ เมื่อมีใครต้องการความช่วยเหลือ จง…คิดก่อนทุกครั้งที่จะปล่อยเงินออกจากมือ จง...ฉลาดพอที่จะรู้ว่าเราไม่ได้รู้ทุกสิ่ง จง...โง่พอที่จะเชื่อในปาฏิหาริย์ จง ...เต็มใจจะแบ่งปันความสุขของตัวเอง จง...เต็มใจที่จะแบ่งรับความทุกข์ของผู้อื่น จง...เป็นผู้นำหากทางที่ผู้อื่นทิ้งไว้ให้นั้นเลือนราง จง...เป็นผู้ตามหากตกอยู่ในวงล้อมแห่งความไม่แน่นอน จง...เป็นคนแรกที่แสดงความยินดีต่อความสำเร็จของคู่แข่ง จง...เป็นคนสุดท้ายที่จะวิจารณ์ความผิดพลาดของเพื่อน จง...มองเพียงแค่ก้าวถัดไปเพราะมันจะทำให้เราไม่ล้ม จง..มองไปยังจุดหมายปลายทางให้แน่ใจว่า ไม่ได้กำลังเดินผิดทาง จง..ใช้เวลามอง หรือให้โอกาสกับตัวเองที่จะเรียนรู้คนที่เขาบอกรักคุณ จง...รักคนที่รักคุณ แม้อีก 5 ปี 10 ปี หรือ 50 ปีเขาก็ยังรักคุณ จง...รักคนที่ไม่รักคุณแล้ว...สักวันนึงเค้าอาจจะเปลี่ยนใจมารักคุณ จง...อย่าปล่อยให้คนที่รักคุณหลุดลอยไป สุดท้าย จง...อย่าหลอกตัวเอง -- สว่างตา ด้วยแสงไฟ สว่างใจ ด้วยแสงธรรม พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ
วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
วันๆของผมจะเปลียนไป
ผมจะต้องทำงานระหว่างเรียนอย่างมีความสุข สนุก ง่าย
ผมจึงต้อง
เข้าใจไวยากรณ์อย่างถ่องแท้
มีคลังคำศัพท์ในปริมาณพอสมควร
ทำเรื่องที่ยากซับซ้อนให้เป็นเรื่องง่าย
ซ้อมการอธิบาย อย่างมืออาชีพ และจิตนาการว่าเป็นเด็นนักเรียนที่ไม่รู้อะไรมาก่อนมักเข้าใจง่าย
ดึงการใช้จิตวิทยาคนมาใช้
บริหารเสน่ห์ เสริมสรางบุคคลิกภาพให้น่าเชื่อถือ
ฝึกความคิดสร้างสรรค์ทุกวิถีทาง
ฝึกการใช้เหตผล ตรรกะ
ความรู้ทางด้านวัฒนธรรมของภาษานั้นแน่น
มีวินัยอย่างที่สุด บริหารเรื่องงาน ส่วนตัว ได้ลงตัว
ผมจึงต้อง
เข้าใจไวยากรณ์อย่างถ่องแท้
มีคลังคำศัพท์ในปริมาณพอสมควร
ทำเรื่องที่ยากซับซ้อนให้เป็นเรื่องง่าย
ซ้อมการอธิบาย อย่างมืออาชีพ และจิตนาการว่าเป็นเด็นนักเรียนที่ไม่รู้อะไรมาก่อนมักเข้าใจง่าย
ดึงการใช้จิตวิทยาคนมาใช้
บริหารเสน่ห์ เสริมสรางบุคคลิกภาพให้น่าเชื่อถือ
ฝึกความคิดสร้างสรรค์ทุกวิถีทาง
ฝึกการใช้เหตผล ตรรกะ
ความรู้ทางด้านวัฒนธรรมของภาษานั้นแน่น
มีวินัยอย่างที่สุด บริหารเรื่องงาน ส่วนตัว ได้ลงตัว
วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2552
การส่งสารอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้เกิดประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
คนเราเดี๋ยวนี้พูดอะไรไม่คิดจะพูดก็พูดเลยมิได้เฉลียวใจว่าคนรับสารจะคิดยังไงมองยังไง เมื่อที่คำพูดเราไปทำร้ายคนอื่น เราก็ก็ต้องโดนทำร้ายด้วย เช่นเดียวกับสุภาษิตฝรั่งว่า "อย่าตัดสินคนอื่นไม่งั้นคุณจะโดนตัดสิน" มันเอากลับคืนมาไมได้แล้วด้วย เอาไงล่ะทีนี้ สร้างหอกดาบให้มาทิ่มแทงตัวเองเฉยเลย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)